วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขั้นตอนทำงาน VDO Presentation

              เมื่อได้เรียนรู้จักเครื่องมือ และพื้นฐานความรู้ต่างๆ ในการสร้างงาน VDO Presentation กันแล้ว คราวนี้ก็มาถึงกระบวนการทำงานจริงๆ กันแล้วล่ะครับ...แต่ว่าจะเริ่มต้นยังไงดีล่ะ

1. วาง Concept (กรอบความคิดของงาน)
วาง Concept ให้ชัดก่อน

            ก่อนจะลงมือทำต้องอะไรมีคอนเซปต์อยู่ในหัวให้ชัดเจนก่อนครับ เป็นกรอบความคิดของงานว่าจะออกมาในทิศทางไหน
             คอนเซปต์ชัด...ช่วยให้ได้งานตรงตามเป้าหมาย  เช่นถ้าเราจะทำ Wedding Presentation  เราต้องนั่งคุยกันก่อนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยากได้คอนเซปแบบไหน  จะเอาแบบฮากระจาย  แบบน่ารัก  แบบทางการ  แบบย้อนยุค  หรือแบบ MV ฯลฯ
             เมื่อได้กรอบความคิดของงานแล้ว...เราจะสามารถนำไปต่อยอดเรื่องราวได้ว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน  มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ต้องถ่ายทำยังไง  ใช้ดนตรีประกอบหรือเพลงอะไร โทนสีแบบไหน
             ถ้าไม่มีคอนเซปต์ ถึงเวลาอยากจะถ่ายอะไรก็ถ่าย คิดกันตอนนั้นแล้วก็ถ่ายกันเลย (ผมก็เคยทำมาก่อน) งานที่ออกมาจะมั่วมากครับ แล้วไม่ไปในทิศทางเดียวกัน

2. ออกแบบ

       เมื่อวางคอนเซปต์ไปแล้ว...คราวนี้เราก็มาออกแบบงานด้วยกัน...เช่น Wedding Presentation เจ้าบ่าวเจ้าสาวบอกมาแล้วว่าอยากได้แนวฮากระจายเอาแบบเม็ดมะม่วงหิมพานต์กระเด็ดออกมาจากปากแขกที่กำลังดูอยู่เลย   เราก็มาออกแบบกันว่าจะทำในรูปแบบไหนดี  จะเอาชีวิตจริงของบ่าวสาวมาล้อเลียนไหม  หรือจะเลี่ยนแบบหนังดัง หรือจะทำเป็นหนังสั้น ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ขอให้มันออกมาฮากระจายตามคอนเซปต์ที่วางไว้แล้วกัน

3. เตรียมงาน

        เมื่อได้รูปแบบ และเรื่องราวมาแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการเตรียมงานครับ เช่น การหาสถานที่ถ่ายทำ โลเกชั่นแบบไหนที่ตรงตามรูปแบบที่เราวางไว้  การเขียน Storyboard  ลำดับเป็นฉากๆ  เตรียมชุด นัดคิวเวลากันให้ดี  พวกงานภาพยนตร์ดังๆ นี่เค้าใช้เวลาเตรียมงานมากกว่าเวลาถ่ายทำอีกนะครับ...เพราะดาราแต่ละคนค่าตัวแพงมาก เวลาของพวกเขาเป็นเงินเป็นทอง ถ้าเตรียมงานไม่ดี ต้องมาถ่ายซ่อมก็เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
      ไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน...การเตรียมพร้อมก่อนถ่ายทำจริงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะมันหมายถึงความเป็น "มืออาชีพ"

4. การถ่ายทำจริง

ขั้นตอนในการถ่ายทำ
         เมื่อเตรียมงานมาพร้อมแล้ว...ขั้นตอนการถ่ายทำก็จะไม่ยุ่งยากครับ  อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้าง แต่ก็จะเพียงส่วนน้อย และสามารถควบคุมเวลาได้เสร็จตามเป้าหมาย อีกทั้งยังมีผลดีต่อเนื่องไปยังขั้นตอนการตัดต่อที่จะง่ายขึ้นอีกด้วยครับ
         ถ้าเตรียมตัวไม่ดี ถ่ายมามั่วๆ บางอย่างถ่ายมาเยอะเกิน บางอย่างก็ลืมถ่ายมา พอจะตัดต่อไอ้สิ่งที่ถ่ายมาเยอะก็เสียเวลาคัดออก ส่วนไอ้สิ่งที่ไม่ได้ถ่ายมา...จะทำไงดี (ปวดหัวเลยคราวนี้)

5. การตัดต่อ / ใส่ Effect / บันทึกเสียง
ขั้นตอนสุดท้ายตัดต่องาน

         ก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทำงาน VDO Presentation ครับ ถ้าเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่กล่าวมา...ขั้นตอนสุดท้ายนี้ก็จะง่าย และได้งานตามคอนเซปต์ที่วางเอาไว้...แต่ถ้าเราไม่ได้ทำตามขั้นตอน...การตัดต่อก็จะเป็นอะไรที่ปวดหัวที่สุด ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของคนตัดต่อมาก ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ยากที่ทำให้งานออกมาดีได้...ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าลัดขั้นตอนครับ


www.studiochristos.com