1. วาง Concept (กรอบความคิดของงาน)
วาง Concept ให้ชัดก่อน
ก่อนจะลงมือทำต้องอะไรมีคอนเซปต์อยู่ในหัวให้ชัดเจนก่อนครับ เป็นกรอบความคิดของงานว่าจะออกมาในทิศทางไหนคอนเซปต์ชัด...ช่วยให้ได้งานตรงตามเป้าหมาย เช่นถ้าเราจะทำ Wedding Presentation เราต้องนั่งคุยกันก่อนว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยากได้คอนเซปแบบไหน จะเอาแบบฮากระจาย แบบน่ารัก แบบทางการ แบบย้อนยุค หรือแบบ MV ฯลฯ
เมื่อได้กรอบความคิดของงานแล้ว...เราจะสามารถนำไปต่อยอดเรื่องราวได้ว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหน มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ต้องถ่ายทำยังไง ใช้ดนตรีประกอบหรือเพลงอะไร โทนสีแบบไหน
ถ้าไม่มีคอนเซปต์ ถึงเวลาอยากจะถ่ายอะไรก็ถ่าย คิดกันตอนนั้นแล้วก็ถ่ายกันเลย (ผมก็เคยทำมาก่อน) งานที่ออกมาจะมั่วมากครับ แล้วไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
2. ออกแบบ
เมื่อวางคอนเซปต์ไปแล้ว...คราวนี้เราก็มาออกแบบงานด้วยกัน...เช่น Wedding Presentation เจ้าบ่าวเจ้าสาวบอกมาแล้วว่าอยากได้แนวฮากระจายเอาแบบเม็ดมะม่วงหิมพานต์กระเด็ดออกมาจากปากแขกที่กำลังดูอยู่เลย เราก็มาออกแบบกันว่าจะทำในรูปแบบไหนดี จะเอาชีวิตจริงของบ่าวสาวมาล้อเลียนไหม หรือจะเลี่ยนแบบหนังดัง หรือจะทำเป็นหนังสั้น ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ขอให้มันออกมาฮากระจายตามคอนเซปต์ที่วางไว้แล้วกัน3. เตรียมงาน
เมื่อได้รูปแบบ และเรื่องราวมาแล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการเตรียมงานครับ เช่น การหาสถานที่ถ่ายทำ โลเกชั่นแบบไหนที่ตรงตามรูปแบบที่เราวางไว้ การเขียน Storyboard ลำดับเป็นฉากๆ เตรียมชุด นัดคิวเวลากันให้ดี พวกงานภาพยนตร์ดังๆ นี่เค้าใช้เวลาเตรียมงานมากกว่าเวลาถ่ายทำอีกนะครับ...เพราะดาราแต่ละคนค่าตัวแพงมาก เวลาของพวกเขาเป็นเงินเป็นทอง ถ้าเตรียมงานไม่ดี ต้องมาถ่ายซ่อมก็เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกไม่ว่าจะเป็นงานแบบไหน...การเตรียมพร้อมก่อนถ่ายทำจริงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะมันหมายถึงความเป็น "มืออาชีพ"
4. การถ่ายทำจริง
ขั้นตอนในการถ่ายทำ |
ถ้าเตรียมตัวไม่ดี ถ่ายมามั่วๆ บางอย่างถ่ายมาเยอะเกิน บางอย่างก็ลืมถ่ายมา พอจะตัดต่อไอ้สิ่งที่ถ่ายมาเยอะก็เสียเวลาคัดออก ส่วนไอ้สิ่งที่ไม่ได้ถ่ายมา...จะทำไงดี (ปวดหัวเลยคราวนี้)
5. การตัดต่อ / ใส่ Effect / บันทึกเสียง
ขั้นตอนสุดท้ายตัดต่องาน
ก็จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการทำงาน VDO Presentation ครับ ถ้าเราทำทุกอย่างตามขั้นตอนที่กล่าวมา...ขั้นตอนสุดท้ายนี้ก็จะง่าย และได้งานตามคอนเซปต์ที่วางเอาไว้...แต่ถ้าเราไม่ได้ทำตามขั้นตอน...การตัดต่อก็จะเป็นอะไรที่ปวดหัวที่สุด ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของคนตัดต่อมาก ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ยากที่ทำให้งานออกมาดีได้...ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออย่าลัดขั้นตอนครับwww.studiochristos.com